Berlin 2019: Cleo | ความเจ็บปวดที่งดงามในไวมาร์เยอรมัน
CLEO
IF I COULD TURN BACK TIME
(Erik Schmitt)
Berlin Film Festival 2019 : Generation
หนังเปิดสาย ‘Generation
Kplus’ ของเทศกาลหนังเบอร์ลินปีนี้ที่เป็นหนังขนาดยาวเรื่องที่สอง
และเป็นหนังฟิคชั่นเรื่องแรกของผู้กำกับ ‘Erik Schmitt’ ที่หยิบเอาเรื่องราวดราม่าหนักหน่วงทาพื้นหลังด้วยเรื่องราวความเป็นมาของเยอรมัน
โดยเน้นช่วงเวลาที่ก่อน ขณะ และหลังที่นาซีเรืองอำนาจ
ตลอดเรื่อยไปจนถึงช่วงสงครามเย็นเข้ามาเป็นองค์ประกอบ และสะท้อนภาพสถานะ ผลลัพธ์
ผลกระทบหรือผลพวงที่เกิดจากช่วงเวลาเหล่านั้นที่สะท้อนภาพความบอบช้ำที่เกิดขึ้นในจิตใจของคนเยอรมันปัจจุบันที่มองว่าสิ่งเหล่านั้นเป็นบาดแผลที่เจ็บปวด
และต้องการลบเลือนมัน หนังเองหยิงเอามาเล่าทั้งทางตรง
และทางอ้อมในการสะท้อนความหมายของความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นในเชิงประวัติศาสตร์ที่เป็นภาพในเชิงมหภาค
กับเรื่องราวความสัมพันธ์ของบาดแผลที่เกิดขึ้นในใจของเด็กหญิงคนหนึ่งที่เติบโตขึ้นมาเป็นผู้ใหญ่
ผ่านเรื่องราวที่ถูกเล่าในลักษณะของความกึ่งเล่นกึ่งจริง
โดยวางการเล่าเรื่องเหมือนหนังเด็กที่เปรียบได้กับการเอาใบมีดมาอาบน้ำผึ่งที่เต็มไปด้วยความหวานเวลาลิ้มรสผ่านการเล่าเรื่องทีเล่นที่จริงเชิงดราม่าตลกขบขัน
แต่กลับเจ็บปวดด้วยใบมีดผ่านเรื่องราวเชิงประวัติศาสตร์อันแสนเจ็บปวด และขมขื่นของประวัติศาสตร์เยอรมัน
ซึ่งการผสมอย่างแนบเนียนนี้
และเล่าเรื่องอย่างมีชั้นเชิงทำให้หนังเรื่องนี้ขึ้นหิ้งเป็นมาสเตอร์คลาสสำหรับหนังฟิคชั่นขนาดยาวเรื่องแรกของผู้กำกับไปโดยปริยาย
ความน่าสนใจของหนังอันดับแรกคือการผสมผสานเรื่องราวในหลายส่วนเข้าด้วยกัน
เหมือนอาหารที่มีรสชาติที่หลากหลายเอามาผสมอย่างกลมกล่อม
ทั้งความรู้สึกด้านบวกและด้านลบที่ถูกสร้างสมดุลเอาไว้ได้อย่างพอเหมาะพอควร ทั้งการหยิบเอาความรู้สึกด้านลบที่มีต่อการสังหารหมู่ของนาซีในช่วงสงครามโลก
หรือชะตาที่เผชิญความโหดร้ายของชาวเยอรมันที่ถูกแบ่งแยกประเทศด้วยกำแพงเบอร์ลิน
และถูกประเทศสัมพันธมิตรแบ่งพื้นที่ปกครองในประเทศเยอรมันหลังพ่ายแพ้สงครามที่แบ่งประเทศออกเป็นชิ้นๆ
หนังเองใช้ช่วงเวลาตรงนี้เป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวการสูญเสียของตัวละครเด็กผู้หญิงของเรื่อง
เป็นจุดแรกที่เชื่อมเรื่องราวของความเป็นส่วนตัว เป็นโมเลกุลของความรู้สึกพื้นฐานของมนุษย์
ที่ต่อยอดกับเรื่องทางการเมืองในระดับมายาคติ
และหนังเองเริ่มขยับขยายเรื่องราวผ่านเรื่องราวเหลือเชื่อแฟนตาซีของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่พยายามย้อนเวลากลับไปเพื่อแก้ไขอดีต
ความปนเปแฟนตาซีอันประดักประเดิดที่ไม่สมจริงตรงนี้ถูกถ่ายทอดในระดับเหนือจริงคู่ขนานไปกับเศษของความจริงที่กำลังถูกหลงลืมในประวัติศาสตร์กระแสหลักของเยอรมัน
ซึ่งหนังหยิบเอาเข้ามาใส่ และจับปรุงแต่งเรื่องราวให้ย่อยง่าย
และมีมิติชวนตีความในแง่มุมทางการเมืองที่ต่างออกไปมากยิ่งขึ้น
แม้ว่าเส้นทางของบทสรุปเรื่องราวนั้นจะเป็นภาพที่ค่อนข้างจำเจ
และเห็นได้ทั่วไปก็ตามที
Cleo: If I Could Turn Back Time เข้าฉายที่เทศกาลหนังเบอร์ลิน ครั้งที่ 69 ในสาย Generation
International Sales : GLOBAL SCREEN GMBH
by Sutiwat Samartkit
(15/06/19)
Post a Comment