The Lady's Tale review | เมื่อขวาเริ่มพิฆาตซ้ายในรัฐซ้อนรัฐไทย
THE LADY'S TALE
(Achitaphon Piansukprasert)
ผลงานขนาดยาวเรื่องแรกของผู้กำกับ
“อชิตพนธิ์ เพียรสุขประเสริฐ” ที่ได้เขาฉายในโปรแกรมของโรงภาพยนตร์อย่างเป็นทางการ
หนังยังคงสะท้อนความเป็นตัวตนของผู้กำกับที่เน้นงานในเชิงทดลอง
และวิพากษ์ประเด็นทางการเมืองอย่างเข้มข้น
แม้ว่าในหนังเรื่องล่าสุดของเขาเรื่องนี้จะหยิบยกเรื่องในวรรณคดีไทยอย่าง “กากี”
เข้ามาปรับแต่งเรื่องราว
เล่าเรื่องในลักษณะหนังเงียบทดลองที่ค่อนข้างเป็นส่วนตัวของผู้กำกับ
เพราะฉะนั้นด้วยความเป็นหนังทดลองประเด็นความหมายของการตีความจึงขยายขอบเขตออกไปได้อย่างมากทีเดียว
ซึ่งความเข้มข้นของการวิพากษ์ประเด็นทางการเมืองอย่างไม่ตรงไปตรงมาในหนังของเขาเรื่องนี้ยังเข้มข้นอยู่ไม่น้อย
เรื่องราวกากีเป็นเรื่องราวที่คุ้นหูคนไทยเป็นอย่างดีอยู่แล้ว
ที่ว่าด้วยเรื่องราวของนางกากีที่รูปกายงดงามราวเทพธิดา กลิ่นกายหอมชวนหลงไหลที่ชายใดเมื่อได้แตะต้องก็ต้องหลงรักหัวปักหัวปำ
นางเป็นมเหสีของท้าวพรหมทัต
และมีเพื่อนเป็นพระยาครุฑเวนไตยซึ่งคอยมาเล่นสกาด้วยกัน
เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นเมื่อวันหนึ่งนางกากีไม่เห็นสามีกลับบ้านมาเสียทีนางจึงมาตาม
และที่นั่นทั้งสองก็ได้สบตากันจนในที่สุดลักพาตัวนางกากีไปอยู่ที่วิมานฉิมพลี
ซึ่งท้าวพรหมทัตทรงกริ้วมาก และคนธรรพ์นาฏกุเวรจึงอาสาไปตามนางกลับมา
แต่กลับไปเกี้ยวพาราสีจนได้นางจนทั้งท้าวพรหมทัต และพระยาครุฑเวนไตย
นำนางไปลอยแพกลางทะเล ระหว่างนั้นเจอนายสำเภาและตกเป็นภรรยา
หลังจากนั้นเจอโจรเกิดการแย่งชิงกันขึ้นระหว่างหมู่โจร นางหลบหนีไปได้
และไปเจอกษัตริย์ทศวงศ์ก็ได้เป็นมเหสี เมื่อคนธรรพ์นาฏกุเวรได้ขึ้นครองบัลลงก์
ก็ไปฆ่าท้าวทศวงศ์ และชิงนางกลับมา
เรื่องราวของนางกากีไม่ได้ถูกเอามาเล่าด้วยลำดับเหตุการณ์ทั้งหมดอย่างครบองค์นัก
แต่สิ่งที่หนังทดลองเรื่องนี้เลือกที่จำทำนั่นก็คือ การลดทอนรายละเอียดเดิม
เพื่อสร้างรายละเอียดที่ขยายไปจากส่วนที่เหลือของเรื่องที่ถูกหยิบมาใช้
ทำให้หนังเองมีตัวละครที่น่าสนใจอยู่ไม่มากนัก ราวสี่ตัวละคร
นั่นก็คือตัวละครที่น่าจะเป็นท้าวพรหมทัต, พระยาครุฑเวนไตย, ตัวนางกากีเอง และคนธรรพ์นาฏกุเวร
ซึ่งมีสถานะเป็นพี่เลี้ยงของเธอ
บริบทของหนังจึงวางตัวละครอย่างกากีไว้ในขั้วอำนาจที่น่าสนใจ
ซึ่งสะท้อนรูปแบบของความเป็นชายออกมาได้อย่างน่าสนใจ
ในเลเยอร์ของอำนาจที่ต่างกันออกไปในสถานะของความเป็นชายที่ไล่ระดับเรื่องของอำนาจความเป็นชายที่แตกต่างกันออกไป
และแน่นอนว่าการวางคำแหน่งของความหมายในแนวคิดทางการเมือง
รวมไปถึงขั้วอำนาจทางการเมืองที่เกิดขึ้นในประเทศไทยก็สามารถสะท้อนผ่านคาแร็คเตอร์
และการกระทำได้อย่างดีทีเดียว
ย้อนความไปที่เรื่องของความวุ่นวายทางการเมืองที่หาได้เกิดขึ้นเมื่อทศวรรษที่ผ่านมาเท่านั้น
แต่จะว่าไปความวุ่นวายทางการเมืองที่เกิดขึ้นในช่วงทศวรรษที่ผ่านมาสะท้อนภาพของการเคลื่อนไหวของขั้วอำนาจทางการเมื่องที่เกิดขึ้นในสังคมไทยตลอดเวลาระยะหลายปีที่ผ่านมานับตั้งแต่การเปลี่ยนแปลงการปกครองเมื่อปี
2475 ให้ฉายภาพออกมาได้อย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้นต่างหาก
นับตั้งแต่การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองการปกครองเมื่อเกือบเก้าสิบกว่าปีที่แล้วนั้น
มันเป็นการทานอำนาจของขั้วการเมืองที่น่าสนใจในหลายส่วน ทั้งสถาบันพระมหากษัตริย์,
กองทัพ, กลุ่มทุนใหญ่ที่เกิดขึ้น และอำนาจของประชาชน
ซึ่งให้ภาพแทนในเรื่องของสถานะภาพอำนาจผ่านนักการเมืองผู้แทนก็ว่าได้
การตีความในหนังของผู้กำกับสร้างอำนาจที่น่าสนใจทางการเมือง
คือมันอาจไม่ได้ให้ภาพที่ชัดเจนในการแทนขั้วทางการเมืองไทยในลักษณะทางกายภาพที่ชัดเจนมากนัก
ในทางหนึ่งอาจสะท้อนภาพของแนวคิดทางการเมือง เศรษฐกิจ
และสังคมได้ชัดเจนมากกว่าด้วยซ้ำ ทั้งกษัตริย์นิยม, อนุรักษ์นิยม, เสรีนิยม
หรือแนวคิดทางสังคมนิยมที่อำนาจน้อยมากในสังคมการเมืองไทยในช่วงเวลาที่ผ่านมา
ซึ่งไม่รวมถึงช่วงลัทธิคอมมิวนิสต์แผ่ขยายอิทธิพลมายังบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทย
เพราะฉะนั้นการวางปฏิกิริยาของตัวละคร ตลอดจนการสร้างอำนาจระหว่างกันในหนังนั้นมีความน่าสนใจมาก
และสิ่งหลายสิ่งมันเกิดขึ้น ทรงพลัง และอ่อนแอลงอย่างน่าสนใจในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
โดยเฉพาะอำนาจนอกระบอบประชาธิปไตยซึ่งก็ไม่อาจให้คำจำกัดความที่ชัดเจนออกมาได้ในช่วงเวลานี้
มีความน่าสงสัยบางประการที่แท้จริงแล้วหนังเองอาจต้องการสโคปประเด็นเชิงสัญลักษณ์ผ่านภาพแทนความหมายที่อาจไม่ได้ให้ภาพกว้างที่รวมถึงประชาชนเสียด้วยซ้ำไป
มันอาจจะพูดถึงสถาบันที่กำลังทรงอิทธิพลในทางการเมืองไทยในช่วงเวลานี้ที่ดำรงค์ตัวเป็นเอกภาพไม่ได้มีที่มาที่ยึดโยงกับประชานมากนัก
ความวุ่นวายทางการเมืองที่เกิดขึ้นกลายเป็นภาพมหภาคของการชุมนุมทางการเมืองของไทยในช่วงเวลาที่ผ่านมานั้น
อาจเกิดจากมูลเหตุของการพยายามเหนี่ยวรั้งอำนาจของอภิสิทธิ์ชนในห่วงโซ่ชั้นบนของการเมืองไทยแค่เพียงเท่านั้น
และประชาชนเป็นเบี้ยที่ไร้ค่าในความรู้สึกของพวกเขา ความลุ่มหลงหอมหวลของอำนาจทำให้เบี้ยเผชิญกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างจำยอม
และแข็งขืน ถือเป็นหนังที่เล่นกับงานด้านภาพ และเสียงได้อย่างดี
กำกับทิศทางออกมาได้อย่างน่าสนใจ และขยายเพดานของการตีความออกไปในหลายทางทีเดียว
หนังฉายในโรงภาพยนตร์ไทยตั้งแต่วันที่ 15 มิถุนายน 2562 (เฉพาะที่ Cinema Oasis)
International Sales :
by Sutiwat Samartkit
(28/06/19)
Post a Comment